ิตหลังอาสัญกาล |
โดย พระภาวนาวิสุทธิคุณ ๒๓ เม.ย. ๓๕ |
ในปัจจุบันแม้โลกจะมีความเจริญทางเทคโนโลยีสูงมาก มนุษย์สามารถสร้างดาวเทียม สร้างจรวดไปโลกพระจันทร์ได้ แต่มนุษย์ก็ยังตอบปัญหาที่ถามกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่ได้ คือ ปัญหาว่ามนุษย์ตายแล้วเกิดหรือไม่ คือ ปัญหาว่ามนุษย์ตายแล้วเกิดหรือไม่ จิตหลังอาสัญกาลเป็นอย่างไร บางคนเชื่อว่า ชีวิตเมื่อตายแล้วขาดสูญเป็นพวกอุจเฉททิฐิ ส่วนอีกพวกหนึ่งเชื่อว่า ชีวิตเป็นสิ่งเที่ยง จัดเข้าพวกสัสเสตทิฐิ ซึ่งทั้งสองพวกนี้ พระพุทธศาสนาจัดเป็นความเห็นผิด หรือมิจฉาทิฐิ เพราะพระพุทธศาสนาเชื่อว่า ชีวิตจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับกรรม คือการกระทำของแต่ละคน ต่อคำถามที่ว่า มนุษย์ตายแล้วเกิดอีกหรือไม่ และจิตหลังอาสัญกาลเป็นอย่างไร ลองพิจารณาคำตอบจากเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ แรงสาบาน มีคนสองคน คนหนึ่งอยู่บ้านใกล้วัดอัมพวัน อีกคนหนึ่งอยู่บ้านเหนือขึ้นไป เขาติดต่อชอบพอกัน อย่าไปออกชื่อเลย เขาตายไปตั้ง ๖๐ ปีแล้ว เขาก็รักใคร่กันดี เขาได้สัญญาสาบานต่อกันว่า จะรักเดียวใจเดียว จะไม่รักคนอื่นต่อไป พูดถึงตอนนี้ขอฝากโยมไว้ ไปรักใครอย่าไปสาบานนะ สบถก็ไม่ได้ ผู้หญิงก็สาบานให้กับผู้ชาย ผู้ชายก็สาบานให้กับผู้หญิง ว่าจะแต่งงานกัน ต่อมาผู้หญิงเกิดมาเป็นไข้ทับระดูตาย ตายแล้วยังห่วง ด้วยอำนาจรัก ยังห่วงผู้ชายคนนี้ตลอด พยายามจะเอาเป็นสามีให้ได้ ถึงตายไปแล้วก็ปรารถนาเหมือนเดิม เพราะสาบานกันไว้ ผู้ชายคนนี้เกิดนอกใจ เพราะแฟนเก่าตายไปแล้ว จะไปแต่งได้อย่างไร ได้เกิดชอบพอกับลูกสาวคนข้างวัดอัมพวัน ได้ไปสู่ขอ พ่อแม่ฝ่ายหญิงเขาไม่ยกให้ เพราะผู้ชายจน แต่เขารักกันแล้ว เมื่อขอไม่ให้ก็ต้องตามกันไป หน้านั้นเป็นหน้าเกี่ยวข้าว เขาไปเกี่ยวข้าวที่บางชันด้วยกัน ก็นัดกันว่า ๒ ทุ่มให้มาคอยที่ต้นมะขามหน้าวัด ผู้ชายจะมารับ ฝ่ายหญิงก็ตกลง เกี่ยวข้าวกลับมา ผู้หญิงแต่งตัวมาคอยก่อนสองทุ่ม เมื่อถึงเวลาสองทุ่ม ผู้ชายก็มา ปรากฏว่าแฟนเก่ามาคอยบอกว่า พี่ทำไมมาช้าจัง ผู้ชายก็บอกว่ามาตามเวลาสองทุ่ม แล้วก็รีบไป นี่แฟนเก่าปลอมเป็นผู้หญิงที่จะต้องพากันไป เขาอาฆาตจะต้องมาเอาผู้ชายคนนี้ไปเป็นสามีให้ได้ ผลสุดท้าย ผู้ชายก็บอกว่า น้องออกหน้าไป ผู้หญิงก็บอกว่า ออกไม่ได้ ให้น้องอยู่ข้างหลังเถอะ เพราะว่าถ้าพี่ออกหน้าไป หากเขาตามมายิง ฉันอยู่ข้างหลังจะได้ตายก่อน ผู้ชายเสียรู้ผีก็ออกหน้าไป สมัยนั้นสองข้างทางก็เป็นป่าดงพงไพร ก็พากันวิ่งไป วิ่งไปถึงป่าทึบที่วัดพระแก้ว มีพระประธานอยู่ในวิหาร อยู่เหนือวัดอัมพวัน ค่ายบางระจัน แต่ก็มีคนอยากได้ เพื่อนำมาป่นเป็นผงผสมสร้างพระ อาตมาเคยไปเอาอิฐ ๙ ตรามาได้ สมัย นายพุก ฤกษ์เกษม เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี มีคราวหนึ่งหลายปีผ่านมาแล้ว เจ้าคณะอำเภอเดิมบางนางบวชองค์เก่า ตอนนี้มรณภาพแล้ว ท่านเคยมาที่วัดอัมพวัน ท่านอยากได้บ้าง ท่านเลยมาค้างที่วัดนี้ รุ่งขึ้นก็ไปเอา เก็บอิฐใส่ย่าม ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไป ท่านจะนำไปทำพระหรืออะไรก็ไม่ทราบ ตกกลางคืนเสียงครางกันกระหึ่ม เลยต้องนำอิฐมาคืน นี่คือเหตุการณ์ที่ผ่านมา ในเวลากาลต่อมาก็สร้างสำเร็จตามเหตุการณ์ ตามลำดับ ได้ทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฉลองค่าย และทูลเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชตัดลูกนิมิต หลังจากทรงบำเพ็ญพระราชกุศลแล้ว ดวงวิญญาณของอสุรกายก็กลับไปเกิด เลยความดุร้ายหายไป เห็นจะเป็นจริงตามหลักพระพุทธศาสนา คนดุคือตายด้วยโทสะ ตายด้วยอารมณ์ดี จิตเป็นกุศลก็ไม่มาดุร้าย ตายด้วยอำนาจโทสะก็อยู่ตรงนั้น มันดุ ยกตัวอย่าง สองสามีภรรยามาแวะที่วัดนี้ หาว่าเมียมีชู้ ขับรถเบนซ์ไปก็ทะเลาะระหว่างทางไปเรื่อย ไปถึงบางปะอินก็คิดว่าอย่าอยู่เลย จึงขับรถชนท้ายรถซุง ตายคาที่ทั้งสองคน ด้วยอำนาจโทสะดุร้ายเหลือเกินที่ตรงนั้น เหมือนต้นมะขามหน้าวัดก็ดุร้าย และแสดงอภินิหารออกมา เมื่อขุดบ่อเอาร่างขึ้นมาเผาแล้วบำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศล อุทิศให้ มะขามก็ตายตรงนั้น กลายเป็นที่เตียน และเป็นที่สำนักกรรมฐานต่อไป และจะไม่มีวี่แววอะไรอีกต่อไป เหมือนแต่ก่อนมา อำนาจโลภะ แต่น้องสาวมีสามีแล้วเกิดนำไปเล่นการพนัน แม่เห็นลูกสุดท้องจะลำบาก จึงไปขอสมบัติลูกชายคืนด้วยอำนาจโลภะ ต้องไปเสวยกรรมที่ตนทำมาก่อน กรรมที่ไปเอาสมบัติลูกชายคืน ให้ลูกคนสุดท้อง และลูกสุดท้องนำไปให้สามีเล่นการพนันหมด ตรงนี้เป็นบาป จิตใจก็เกาะอยู่ แยกรูปแยกนามไม่ได้ เพราะคนนี้ไม่เคยนั่งกรรมฐาน โลภะ ยังไปเที่ยวเข้าเขาอยู่ ยังไม่ได้ไปไหนเลย ยังเป็นเปรตอยู่นะ ในวัดอัมพวันนี้มีพระ ๔-๕ องค์เป็นเปรต มารับส่วนบุญทุกวันพระ ท่านทั้งหลายจะเห็นหรือไม่ ก็ไม่ทราบกันนะ เขาตอบว่า “ยังครับ ผมยังไม่หมดกรรม เที่ยวมาขอทานอยู่ที่วัดนี้ มีหลวงตาเฟื่องเป็นต้น” อย่างเรามาเจริญกรรมฐาน ปู่ย่าตายาย ตายไปเป็นเปรต จะมาขอเลย ถ้าคนไหนได้ยินเสียงเปรตร้อง คือ ญาติของคนนั้น ถ้าเราไม่ได้ยิน ไม่ใช่ญาติของเรา ถ้าได้ยินเตรียมแผ่ส่วนกุศลได้ เป็นญาติของเราเลยทีเดียว ร้องขึ้นมาต้องการขอบุญกุศล รีบแผ่ให้เลยนะ |
วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
จิตหลังอาสัญกาล
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น