วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551

สัจจคัมภีร์์กัปป์สุดท้าย



โอวาทของพระโพธิสัตว์กวนอิม (สัจจคัมภีร์กัปป์สุดท้าย)

คัดลอกมาจากสังคมธรรมออนไลน์ หน้าเอกสารสำหรับเครื่องพิมพ์ ส่งต่อให้เพื่อนอ่าน



พระศรีอาริยเมตไตรย พระโพธิสัตต์อวโลกิเตศวร ได้ฟังพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ให้ประคองช่วยเหลือเวไนยสัตว์สิบชั่วร้ายไม่ดีงาม ฟ้าเบื้องบนจะจัดส่งผู้คุมตารางสวรรค์เทียนเหลอเซียน ลงมายังโลกมนุษย์ตรวจดูคัมภีร์นี้ หากผู้ใดถวายด้วยความศรัทธาเคารพ สามารถหลุดพ้นจากดวงแห่งภัยพิบัติได้ ทุกชีวิตในครอบครัวไร้ทุกข์ ไร้กังวล หากคนชั่ว ร้ายที่ไม่เชื่อและศรัทธา แต่คอยดูปีวอก,ระกา,จอ,กุน มีข้าวไร้คนกิน มีเสื้อผ้าไร้คนใส่ มีถนนไร้คนเดิน มีบ้านไร้คนอยู่ มีที่นาไร้คนทำ จวบจนถึงเดือนห้า เดือนหกนั้น งูพิษร้ายเกลื่อนเต็มไปทั่ว เดือนแปด เดือนเก้า คนชั่วร้ายจะตายสิ้น ซากศพเต็มเกลื่อน
มีคนที่ละชั่วประพฤติดีไม่ต้องวิตกกังวล เศร้าสลดกับภัยพิบัติทั้งสิบประการนี้คือ
1. อัคคีภัย - อุทกภัย
2. ควันที่เป็นสัญญาณทำลายล้าง
3. มึนซึมหมดสติตาย
4. การหย่าร้างของสามี - ภรรยา
5. งูพิษทำร้ายคน
6. เศร้าสลดซากศพเต็มพื้นปฐพี
7. ภัยสงครามฆ่าฟันกัน
8. อากาศแปรเปลี่ยน วันคืนหนาวเย็น
9. มีบ้านต้องยกให้ผู้อื่นอยู่
10. เศร้าสลดไม่พบความสันติสุข
บนถนนคนตายนับไม่ถ้วน หนึ่งหมื่นตายเก้าพัน มหันตภัยมาแล้ว พืชพันธุ์ธัญญาหารเก็บเกี่ยวได้ผลน้อย เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง พญานาคดุร้าย เกะกะระรานทั่ว เวไนยสัตว์มีภัย องค์เง็กเซียนมหาราชจึงจัดส่งกวน, เจ้าสองขุนพลลงสู่โลกมนุษย์ และเทพยดาที่สัญจรอยู่เบื้องบน เหนือโลกมนุษย์เพื่อตรวจดูคัมภีร์นี้ หากมีคนชั่วร้ายทั้งหลาย จะให้ข้าวยากหมากแพง พระศรีอาริยเมตไตรยจะปรากฏกวน เจ้าสองขุนพลสู่แดนมนุษย์ จากปีจอเริ่มต้นด้วยโรคระบาดจนถึงปีกุน ประชาราษฎร์ในเก้าคน จะรอดตายเพียงหนึ่งคน จะเกิด มหันตภัยขึ้น เช่น
1. วาตภัย
2. อัคคีภัย
3. ฟ้าผ่าไฟฟ้าช๊อต
4. ภัยสงคราม
5. ภัยโรคร้าย
6. อดอยาก ขาดอาหาร
7. งูพิษร้ายกัด
8. ภัยจากการคลอดบุตร
9. อุทกภัย
10. ภัยจากการสูญสิ้นมนุษย์ชาติ
พระศากยมุนีพระพุทธองค์ ครองธรรมกาลหนึ่งหมื่นสามพันปีจนมาถึงปัจจุบันครบบริบูรณ์แล้วพระศรีอาริยเมตไตรยรับสืบต่อครองธรรมกาล เริ่มต้นแต่ปีวอก จนถึงปีชวด พืชพันธ์ธัญญาหารไม่สมบูรณ์คนจะอดอยากตาย ภัยสงครามยากที่จะหลีกหนี หากมีคนนำคัมภีร์นี้เผยแพร่ไปทั่วทุกหนทุกหนึ่งแพร่ไปถึงสิบ สิบแพร่ไปถึงร้อย ร้อยแพร่ไปถึงพัน จนถึงหมื่น จะรอดพ้นจากภัยพิบัติ ถึงยุค เหยาซุ่น มาถึง ( เหยา หมายถึง บ้านเมือง จะมีคง ความรุ่งโรจน์ ซุ่น หมายถึง สังคมจะมีความยุติธรรม) ก็จะได้ร่วมสุขสันต์กับโลกแห่งบัวบาน ผู้ใดรู้แล้วไม่ยอมเผยแพร่คัมภีร์นี้ จะต้องพบภัยพิบัติทั้งสิบประการ ยากที่จะกลับมา เกิดอีก ผู้ใดเขียนถ่ายทอดเผยแพร่ออกไป ทุกคนในครอบครัวจะอยู่เป็นสุข พบแต่ความ เป็นสิริมงคล สามารถรอดพ้นจากมหันตภัยได้ พระโพธิสัตต์อวโลกิเตศวรเข้าเฝ้าพระผู้ เป็นเจ้าเบื้องบน นำความดีชั่วของชาวโลกกราบบังคมทูลต่อเบื้องบน องค์เง็กเซียนมหา ราชทรงทราบข่าว ทรงพิโรธยิ่ง ต่อว่าบรรดาเทพยดาทั้งหลายเสียแรงเปล่าที่ชาวโลกจุดธูปเทียนบูชากราบไหว้ แต่ไม่ยอมอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายจวบจนบัดนี้ ในโลกเต็ม ไปด้วยคนชั่วร้ายไม่มีมโนธรรม จึงได้มีพระราชโองการให้เกิดภัยพิบัติหลายปี เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงประชาราษฎร์ ในเวลานั้นบรรดาเหล่าเทพยดาทั้งหลาย ได้กราบทูลพร้อมด้วยพระโพธิสัตต์กวนอิมแห่งทะเลใต้ ได้ทรุดกายหมอบลงกับพื้นพระบรมมหาราชวัง ทูลขอ ให้ทรงโปรดกรุณาแก่ชาวโลกเป็นหลายครั้ง ว่าผู้ชั่วร้ายสมควรดับ ผู้ดีงามควรแบ่งแยก
องค์เง็กเซียนมหาราช ทรงบัญชาชี้ขาด ทรงเห็นว่าดี ชั่ว สองอย่างต่างกัน ให้สงครามเจาะจงเลือกที่เกิด ให้โรคระบาดเจาะจงเลือกคนเป็น และส่งจอมพลรับราชโองการเก็บกวาดล้างมนุษย์โลกตามที่มีผู้ทำชั่วร้ายดังนี้
1. เก็บผู้ที่กล่าวโทษด่าว่าฟ้าดิน
2. เก็บผู้ที่ไม่กตัญญูต่อบิดามารดา
3. เก็บผู้ที่กดขี่ราษฎรและฉ้อราษฎร์บังหลวง
4. เก็บผู้ที่ประพฤติผิดในกาม มักมากตัณหา
5. เก็บผู้ที่ทิ้งขว้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร
6. เก็บผู้ที่ทำลายศาสนา หลอกบางเทพยดา
7. เก็บผู้ที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
8. เก็บผุ้ที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม คดโกงตาชั่ง
9. เก็บคนที่หลอกลวงให้คนหลงเชื่อ
10. เก็บผู้ที่ทำลายผุ้อื่นเพื่อประโยชน์สุขส่วนตน
11. ผู้สูงอายุนิดเดียวก็ไม่ยอมตักเตือนแก้ไข
12. คนรุ่นหลังไม่มีคุณสัมพันธ์ 5
13. คนชั่วรังแกคนดีที่ซื่อสัตย์
14. คนรวยใจไม้ไส้ระกำต่อคนยากจน
15. ชักศึกเข้าในเพื่อประโยชน์ภายนอก
16. ใช้กลอุบายวางแผนแก่งแย่งชิงดีกัน
17. ลักขโมยสิ่งของของผู้อื่น
18. ขายยาปลอมหลอกลวงชาวบ้าน
19. พบคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริตถูกรังแกจนเข้ากระดูกดำ
20. พบคนเลวประจบสอพลอพะเน้าพะนอ
21. ซื้อขายหลอกลวงคนโง่เขลา
22. ย่ำยี เหยียบกระดาษตัวอักษร
23. มีแต่พวกแต่งกายเรียบร้อยสวมหน้ากากมนุษย์
24. ปฏิบัติดำเนินการผิดหลักฝ่าฝืนหลักธรรม
25. มีบางพวกอาศัยอำนาจใช้อิทธิพล
26. หลอกลวงใจตนเองและละเมิดหิริโอตัปปะ ทำลายคนโดยขาดศีลธรรม
27. มีบางพวกใจโหดเหี้ยม มุ่งกำไร หาผลประโยชน์ไม่คำนึงถูก - ผิด
28. ไม่คำนึงถึงหิริโอตัปปะ ไม่มีความสุจริตใจ
29. มีบางพวกอกตัญญู ไม่รู้คุณคน
30. รุ่นหลังจะเป็นคนกันอย่างไร
31. มีบางพวกรังแกข่มเหงเด็กและคนแก่
32. มีบางพวกทำลายการวิวาห์ให้แตกแยกสลาย
33. มีบางพวกทุบตี ปู่ ย่า ตา ยาย
34. มีบางพวกยกย่องคนรวย รังเกียจคนจน
35. มีบางพวก พี่ ป้า น้า อา ไม่สมานปรองดองกัน
36. มีบางพวกไม่เคารพรักสามี
37. มีบางพวกยุยงส่งเสริมให้ฟ้องร้องกัน
38. พี่น้องแก่งแย่งชิงดีกัน
39. จับงู ตีอวน ยิงนก
40. ปล่อยไฟเผาป่า ทำลายสุสาน
41. ส่งหนังสือทำลายพิธีภูติผีเวทมนต์
42. ใช้คาถาอาคมฝังรูปฝังรอยทำร้ายผู้อื่น
43. เจตนาเขียนยันต์สาปแช่งทำลาย
44. เกิดโทสะเมื่อผู้อื่นต่อว่า ต่อปาก ต่อคำ
45. ใช้เล่ห์กลกล่าวให้ร้ายป้ายสี
46. ธัญญชาติปะปนน้ำ ขายขูดรีด
47. เห็นคนมีเงินโกรธแค้น
48. เห็นคนร่ำรวยมีเกียรติเกิดความริษยา
49. เห็นคนทุกข์ยากไม่ช่วยเหลือ
50. พบคนตกอยู่ในความลำบากไม่ช่วยเหลือ
51. ไม่ประมาณดีชั่วของตนเอง
52. กลับกล่าวว่าผู้อื่นไม่เที่ยงธรรม
53. ตักเตือนให้ทำแต่ความดีไม่เชื่อฟัง
54. แนะนำให้ทำชั่วดำเนินทันที
นี่คือห้าสิบสี่ข้อกรรมชั่ว แต่ละรายควบคุมสอดส่องเก็บกวาดเรียบ มิให้เหลือไว้ในโลกา ส่งเข้าสู่หนทาง เปรตเดรัจฉานให้เขาเหล่านั้นสูญพันธุ์ทั้งครอบครัว ให้เขาบ้านแตกสาแหรกขาด ให้เขานองเลือด ให้กระดูกพวกเขาเหล่า นั้นดั่งพงพี่ มีที่นาไม่มีคนเพาะปลูกไถ มีบ้านให้ผู้อื่นอยู่อาศัย หากเปลี่ยนปแปลงแก้ไข ละความชั่ว สร้างความดี เขาจะหายเจ็บป่วย อายุยั่งยืน ดูเหล่าความคิดของเวไนยสัตว์ทั้งหลายรีบเร่งดำเนินปฎิบัติแต่ดีงาม กำหนดสามปีให้ ตรวจทั่ว กลับมากราบทูลทันที องค์เง็กเซียนมหาราชทรงทราบ พระองค์ทรงมีพระราชโองการดังนี้ ข้า ฯ จะลงมา ตรวจตระเวนทุกหนทุกแห่งควบคุมสอดลส่องละเอียดถี่ถ้วน ข้าฯ จะดำเนินการตัดสินให้เกิดภัยสงครามระลอก- หนึ่ง ให้โรคระบาดอีกบางส่วน ภายในเวลาไม่กี่เดือนทุกหนทุกแห่ง เก็บกวาดคนชั่วร้ายให้หมดสิ้น ต่อให้เจ้าวิง- วอนไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มิตอบสนอง ต่อให้เจ้ากินยารักษาโรคไม่ได้ผล ถึงแม้ตำราเสินหนงยังอยู่. ถึงทานยาดีชั่วก็ต่างกัน คนดีมีคุณธรรม กินยารักษาได้ผล คนชั่วเลวร้ายกินยาแล้วไม่รอด บัดนี้ข้าฯ เห็นเหตุการณ์น่าเวทนา ไม่มี วิธีใดสามารถช่วยเวไนยสัตว์ได้ ต่อให้เจ้าจุดธูปบูชาข้าฯ เสียแรงเปล่าเห็นข้าฯ เป็นเทพยาดาน่าเคารพ แต่ปัจจุบัน มีทุกข์ ไม่ยอมช่วยเหลือ ใช่ว่าข้าฯ นั้นจะบิดเบือนต่อเบื้องบน ข้าฯ ได้วิงวอนด้วยความรีบเร่งร้อนรน และเบื้องล่างก็กล่าวพูดสัจธรรมตักเตือนให้ได้
บัดนี้ถึงกาลปลายกัปป์ ภัยพิบัติยุคสุดท้าย ปุถุชนธรรมดาเก้าตายไว้หนึ่งรอด สงครามอาวุธมีดพร้าเกิดขึ้นรอบด้าน โรคระบาดบุกรุกทุกแห่งหน ฟ้าอสุนีบาตฝ่าฟาดดังสนั่นสั่นสะท้าน อุทกภัยไหลหลากท้นท่วมบ้านเมือง วาตะพายุผกผันกวาดไปทุกหนแห่ง ภัยธรรมชาติแห้งแล้ง ชีวิตยากจะอยู่รอด พญามารเคาะประตูยามค่ำคืน โรคระบาดปรากฎในกลางวันประชิดตัว เสือร้ายออกจากป่าเขาจะหลบหนีอย่างไร งูพิษเต็มถนนหนทาง ยากที่จะเดิน หนี มีสิบมหันตภัย ยากหลีกหนี เมื่อมหันตภัยสิบได้ผ่านจึงนับว่ายอดคน
นี่แหละคือสิบมหาภัยอันยิ่งใหญ่ มีเพียงเตือนให้ท่านเปลี่ยนแปลงปรับปรุงในจิตใจ สบโอกาสรีบ ๆ แก้ไข สำนึกผิดได้ยินได้รู้ เร่งกลับตัว กลับใจโดยทันใด อย่ารอจนภัยพิบัตินั้นมาถึงจะวิงวอนให้ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ผล สร้างกุศลความดีกันแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลบหลีกภัยพิบัติ เหล่าเวไนยสัตว์รีบตั้งจิตศรัทธา เคารพกตัญญู ฟ้า บิดา มารดา จงรักภักดีต่อชาติ บ้านเมือง ประชาราษฎร์คนจนจงรู้จักเจียมตัว ผู้มั่งมีจงเร่งรับช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ยากไร้ ผู้เปรื่องปัญญาตักเตือนชี้แนะผู้ด้อยรู้ให้ได้ผ่านพ้นภัยด้วยกันในโลกีย์ ผู้ไร้บุญบารมีตกลงสู่ทะเลทุกข์ มีบุญสัมพันธ์ ได้พบความสงบสุข บัดนี้ ข้าฯ แฝงกายยืมปากท่านไหว้วานบรรดาผู้ที่รู้จักอักษรเขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ หนึ่งเล่ จะปกปักษ์รักษาให้ร่างกายสมบูรณ์ และแข็งแรง เขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ สิบเล่ม ทั้งครอบครัวจะพ้นเคราะห์ภยันตราย เขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ ร้อยเล่ม จะปกปักษ์รักษาให้อายุยั่งยืน อีกทั้งบลาภ วาสนา มีเงินรีบพิมพ์แจกทันทีทันใดจะปกปักษ์รักษาให้ได้เกียรติทั้งยศศักดิ์อันรุ่งโรจน์ หากพบผู้ไม่รู้ตัวอักษรช่วยบอกต่อให้เข้านั้นได้ฟังและเข้าใจ ถ้าหากมีคนชั่วร้ายไม่ศรัทธาเคราะห์ภัยจะใกล้ตัวในทันใด จะเกิดปวดเศียรเวียนศีรษะหน้ามืดและตาลาย เจ็ดทวารเลือดไหล ไปเมืองผี ภายในสิบชั่วร้ายนี้ ข้าฯ มิอาจกล้ากล่าวได้ให้ชัดแจ้งคิดจะเผยความลับของสวรรค์ ก็กลัวเบื้องบนจะลงโทษทัณฑ์ หากท่านทั้งหลายไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาว่าไม่จริง ไม่นานภยันตรายจะมาใกล้ตัวท่าน หากชาวโลก ศรัทธาและเชื่อฟัง เบื้องบนอาจทรงโปรดช่วยให้ไม่เกิดภัยพิบัติ
จงหัวหมินกั๊ว ปีที่ 5 จันทรคติ เดือน 10 คืนขึ้น 10 ค่ำ 3 ชั่วโมงลงสู่ ณ กู่ซี่ (โกวจิน) หงีเลียงเกาะ สถานธรรมจิบเลียง * หนังสือนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกมาเมื่อ ค.ศ. 1916 พ.ศ. 2459 รวม 77 ปี *

คุกสวรรค์ แน่ใจหรือว่าถ้าได้ขึ้นสวรรค์แล้วจะไม่ติดคุก



กระจกส่องผู้บำเพ็ญ (คุกสวรรค์)

คัดมาจากเวบสังคมธรรมออนไลน์


พระโอวาทผู้เฒ่าคุณฟ้า
เทียนเต๋อเหล่าเหยิน
ชั้นวินยะตน (จื้อหลวี่ปัน)
วันที่ 9-10 มกราคม พ.ศ. 2543
ณ วิหารเทียนเซิ่งฝอเอวี้ยน
ฮวาเหลียน ไต้หวัน

ข้าควบคุมคุกสวรรค์เผยความลับ
จดบุญบาปดวงเนตรฟ้าพิศชัดหนา
จองจำด้วยไม่บำเพ็ญคุณปัญญา
โทษนานาลงอาญามากมายมี
ข้า คือ
ผู้คุมคุกสวรรค์ เทียนเต๋อเหล่าเหยิน
รับบัญชาจาก
พระองค์ธรรมมารดา ลงสู่ธรรมสถาน
น้อมกายกตัญชลี
องค์ชคัตตรยาพดงส์ เมธีทั้งหลาย
สราญฤๅ?

ผู้คุมคุกสวรรค์
ท่านเทียนเต๋อเหล่าเหยิน
เมตตาให้โอวาทแก่นัถเรียนในชั้น

เทียนเต๋อเหล่าเหยิน : เมธีทั้งหลายบัดนี้ ข้าได้สนองรับพระบัญชาจากพระองค์ธรรมมารดา มาไขความลับสวรรค์ เพื่อตักเตือนเจ้าทั้งหลาย หน้าที่ของข้าก็คือคุมคุกสวรรค์ เจ้าทั้งหลายควรรู้ว่า มีนรกก็ต้องยอมมีคุกสวรรค์เช่นกัน คุกสวรรค์อยู่ที่ไหน? อยู่ติดกับพุทธาลัย มีทางอยู่เส้นหนึ่ง เชื่อมผ่านได้ทั้งสองที่ ที่หนึ่งมืดมิดเยือกเย็นอีกที่หนึ่งสว่างและเป็นสุขยิ่ง ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เจ้าทั้งหลายจะก้าวย่างอย่างมั่นคงและระวังสำรวม กาลนี้หากไม่บำเพ็ญจริงปฎิบัติแท้ ก็จะต้องไปรายงานตัวที่ๆข้าควบคุมอยู่อย่าได้คิดว่าพุทธระเบียบหรือ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไม่สำคัญ อีกทั้งไม่เคารพอาจารย์เทิดทูนธรรมะ นิสัยความเคยชินมากมาย หากเป็นเช่นนี้ บำเพ็ญไปก็เปล่าประโยชน์ กล่าวแก่เจ้าทั้งหลาย หากเจ้าผิดต่อกฎแห่งฟ้า จะผ่านด่านของข้าก็ไม่ง่ายเลย
จะกล่าวถึง ถ้ำเมฆวายุ ก่อน ผู้ก่อกรรมทางวาจา ไม่ปฏิบัติบำเพ็ญจริง วิจารณ์อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม คนเหล่านี้ เมื่อคืนกลับไปก็จะรู้สึก ดังที่กล่าวมาเมื่อครู่ บำเพ็ญตามบุคคลสร้างวจีกรรม ให้ร้ายธรรมให้ร้ายบรรพจารย์กลับคืนไปก็จะต้องถูกลงโทษ เจ้าอาจจะข้องใจว่า เมื่อไม่มีกายสังขารแล้วจะลงโทษได้อย่างไร? ลงโทษที่จิต คือจิตได้รับการลงทัณฑ์ผู้ที่ก่อวจีกรรม แม้นไม่กลับตัวกลับใจ เมื่อความคิดไม่สงบ ลมและเมฆก็จะคอยตามความคิดของเจ้า ตบตีเจ้า ทำให้เจ้าเจ็บปวดแทบใจสลาย ยากพรรณา ใครใช้ให้เจ้าสร้างวจีกรรม
ต่อมา คุกสร้างอาคาร พระแม่องค์ธรรมมีพระบัญชา เปิดเผยเพียงเท่านี้ อะไรคือคุกสร้างอาคาร เพราะมีถันจู่เจ้าตำหนักพระบางคน หลังจากที่เปิดสถานธรรมแล้ว ไม่ยอมให้ญาติธรรมศึกษาธรรม จิตใจคับแคบ ไม่กระจ่างต่อหลักธรรม ทำให้อาณาจักรธรรมเกิดความวุ่นวาย หรือเปิดสถานธรรมแล้วยกเลิกสถานธรรม หากใครละเมิดกฏข้อนี้เมื่อกลับคืนเบื้องบน เบื้องบนก็จะให้อาคารรูปทรงต่างๆ แก่เจ้าเพื่อนำไปสร้าง เมื่อสร้างเสร็จอาคารเหล่านั้นก็จะพังลงมา ให้เจ้าได้รับทุกข์ทรมานจากการสร้างอาคาร
ต่อมา คุกไต่บันได ทำไมต้องมีคุกไต่บันได? เพราะมีคนบำเพ็ญจำนวนมาก ที่มักมีจิตใจลังเลสงสัย สองจิตสองใจ เดินๆ หยุดๆ เมื่อกลับคืน เบื้องบนก็จะให้บันไดแก่เจ้าให้เจ้าไต่ขึ้นไปแต่ละขั้น แต่บันไดที่ให้เจ้านั้นไม่ว่าเจ้าจะไต่ขึ้นไปอย่างไร ก็ไต่ไม่ถึงจุดสูงสุด มันจะตกลงไปอยู่ข้างล่างเรื่อยๆ เพื่อเคี่ยวกกรำจิตญาณของเจ้า ต่อเมื่อจิตใจของเจ้ามีการเปลี่ยนแปลง จึงจะผ่านด่านนี้ได้ เรื่องราวที่เจ้าได้สร้างไว้ในโลกมนุษย์ หากความคิดไม่เที่ยงตรง บำเพ็ญได้ไม่ดี ก็จะได้รับการลงโทษในด่านนี้ จะต้องบำเพ็ญให้บริสุทธิ์สะอาด จึงจะคืนสู่เบื้องบนได้
ต่อมา คุกเมล็ดพันธ์ หากใจของเจ้าไม่สงบหรือไม่ขจัดใจสาม เบื้องบนก็จะให้เมล็ดพันธุ์แก่เจ้า เมล็ดพันธุ์นี้จะงอกอยู่ในมือของเจ้าไม่หยุด เจ้าจะต้องปลูกต้นอ่อนเหล่านี้ต้นแล้วต้นเล่า ซึ่งไม่แน่ว่าเมื่อเจ้าปลูกลงไป มันจะมีชีวิต หากเจ้ามีจิตสำนึกขอขมาด้วยความจริงใจ เบื้องบนก็จะนิรโทษกรรมให้ ผู้ที่จะมายังด่านนี้ ล้วนเป็นคนที่เห็นแก่ตัวปฏิบัติงานด้วยความลำเอียง ไม่ลงแรงในการส่งเสริมนักธรรมรุ่นหลัง ถ่วงหนทางในการบำเพ็ญของผู้อื่น ตัดซึ่งปัญญาญาณในการบำเพ็ญของผู้คน บุญหรือบาปเบื้องบนล้วนรับรู้ แม้ว่าเจ้าทั้งหลายจะบำเพ็ญธรรม แต่หากไม่ปฏิบัติอย่างจริงใจ เบื้องบนล้วนชัดแจ้ง และแบ่งแยกได้ชัดเจน ดังนั้น ทุกย่างก้าวของเจ้าทั้งหลายจะต้องสำรวมระวัง อย่าได้ทำผิดแล้วค่อยมาเสียใจภายหลัง จะสายเกิน คนที่ไปพบข้าส่วนมากสอบไม่ผ่านในส่วนของด่านตรีเทพพิทักษ์ ทุกวัน ท้าวจตุรเทพ(ซื่อปู้เสินจวิน) ก็จะนำข้อมูลมาส่งให้แก่ข้า เมธีทั้งหลาย วันนี้เห็นข้าปรากฏกาย เจ้าจะต้องเตือนตัวเอง จงนำความห้าวหาญและความเที่ยงตรงของเจ้าออกมา
จะบัญชาให้ขุนนางผู้คุม นำพาญาณเดิมเข้ามายังธรรมสถาน เพื่อกล่าววาจาสักเล็กน้อย(หลังจากที่ท่านผู้เฒ่าเทียนเต๋อเหล่าเหยินกล่าวจบ ท่านได้กระแทกไม้เท้าลงพื้นหนึ่งครั้งญาณเดิม ก็ได้ประทับร่างของสามคุณอีกท่านหนึ่งล้มลงกับพื้น สะอื้นไห้ คลานเข้ามายังห้องประชุม พุทธบริกรจึงเข้าไปช่วยพยุงเข้ามายังกลางห้องประชุม.......)
เทียนเต๋อเหล่าเหยิน : เจ้ามีเวลาไม่มากนักจงรีบเล่าถึงความผิดของเจ้าที่ได้กระทำไป !
ญาณเดิม : ข้าเป็นผู้ชาย ชื่อว่าโจวจวิ้นเซิง ละกายสังขารเมื่อปีหมินกั๋วที่70 (พ.ศ.2524) ข้าเป็นเจ้าตำหนักพระ แรกเริ่มนั้นข้าศรัทธาต่อธรรมะมาก หลังจากได้รับธรรมะ ก็ได้ติดตามนักธรรมอาวุโสบำเพ็ญปฏิบัติธรรม อาวุโสคอยส่งสริมยกกระดับอยู่เสมอ และส่งเสริมข้าให้เป็นอรรถาจารย์ ข้าจึงเป็นทั้งเจ้าตำหนักพระและอรรถาจารย์ ในเวลาเดียวกัน หน้าที่เหล่านี้ไม่ธรรมดาเลย แต่ว่า ข้าไม่มีความเคารพในอาจารย์เตี่ยนฉวนซือ บางครั้งถึงกับดูถูกดูแคลน มักที่จะคิดอยู่เสมอว่า อาจารย์ไม่รู้เรื่องในการปฏิบัติงานธรรม ไม่เข้าใจในเรื่องราวต่างๆ เข้าจึงถือดี อวดตน คิดว่าอาจารย์ด้อยกว่าข้าในทุกๆด้าน บางครั้งก็ปากอย่างใจอย่าง ข้าเป็นถึงเจ้าตำหนักพระ แต่ไม่เคารพต่ออาจารย์เตี่ยนฉวนซือ บาปหนักเหลือเกินในยามที่ทำบุญให้ทาน ข้าก็จะยึดติดในรูปลักษณ์ หากไม่เห็นเป็นรูปลักษณ์ ก็จะคอยสอบถามอาจารย์ว่า เงินทำบุญเหล่านั้นสูญหายไปตรงไหน อาจารย์ท่านบำเพ็ญดี ไม่เคยโกรธแค้น มีแต่คอยพร่ำสอนตักเตือนต่อมา ข้าฟังคำของคนรอบข้างมากไป คิดว่าอาวุโส ทำไม่ถูก อาวุโสไม่เอาใจใส่ดูแลผู้น้อยตอนนี้แหละที่ข้าก้าวพลาด จึงปิดสถานธรรมอีกทั้งคบคนเลวๆ จึงทำให้ทุศีลเจแตกใหม่ๆก็คิดว่าลองกินดูก็แล้วกัน คงไม่เป็นไร?แต่ก็ไม่สบายใจ กินแล้วก็กราบพระสำนึกขอขมา ทุกครั้งที่ทำผิดก็จะสำนึกขอขมาจนกลายเป็นความเคยชิน ผิดแล้วผิดอีกตอนนั้นในใจก็คิดว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ภัยคงไม่มาถึงตัว และยิ่งตอนนั้นงานทางโลกก็ไปได้ดีมาก จึงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องแล้ว อาวุโสทุกท่าน บำเพ็ญธรรมจะต้องบำเพ็ญจริงตามหลักสัจธรรม บำเพ็ญอย่างจริงจัง
เทียนเต๋อเหล่าเหยิน : เมื่อรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เหตุใดจึงกล้ากระทำ! มีอะไรอีก?
ญาณเดิม : ยังถ่วงผู้คนอีกจำนวนมาก ข้าเล่าเรื่องของข้าให้ผู้ร่วมบำเพ็ญฟัง และยุให้เขาทุศีลเจแตกเหมือนกับข้า ด้วยเหตุที่เป็นอรรถาจารย์ มีวาทะศิลป์ ผู้คนจึงหลงเชื่อ เป็นเจ้าตำหนักพระ แต่กลับยกเลิกสถานธรรม เลิกล้มธรรมกิจ ก็เท่ากับตัดหนทางแห่งปัญญาญาณของผู้คนไปมากมายเท่าใด? อยู่ในอาณาจักรธรรม ข้าก็มีจิตใจที่คับแคบกลัวคนอื่นเขาจะดีกว่า กลัวว่าจะมีบุคลากรที่เก่งกว่า กลัวว่าตนเองจะไม่มีจุดยืน บำเพ็ญธรรมอย่าได้เป็นเช่นนี้เลย ตอนนี้ข้าเพิ่งจะเข้าใจ ข้าทำผิดไว้มากมายเหลือเกิน ข้าต้องผ่านคุกสวรรค์ด่านแล้วด่านเล่า จิตของข้าทรมานนัก ยิ่งยึดติดมากเท่าไหร่ ก็ยากที่จะวางใจลงได้ในคุกสวรรค์หากสามารถปล่อยวางได้ ก็ไม่ต้องถูกคุมขัง ทุกอย่างจะต้องเป็นอสังฆตะหวังอาวุโสทุกท่านจะเห็นข้าเป็นดังกระจก ขอให้คิดให้รอบคอบและถี่ถ้วน ข้าสานึกผิดแล้วแต่มันก็สายเกินไป เมื่อทำผิด ก็ต้องสานึกด้วยใจจริง อย่าได้สำนึกแล้วสำนึกอีก อาศัยกายสมมติ เร่งรีบสร้างบุญกุศลชำระปณิธานเช่นนี้ ไม่เพียงแต่สามารถกลับคืนฐานเดิมได้ยังสามารถบรรลุสู่มรรคผลพุทธะได้อีก
ปณิธานของเราล้วนแตกต่างกันไป บ้างก็มาเพื่อหนุนนำงานธรรม แต่กลับมาลุ่มหลง ข้าสำนึกผิดแล้ว ฮือ..ฮือ..ฮือ......
เทียนเต๋อเหล่าเหยิน : เมธีทั้งหลายชั้นนี้เปิดขึ้นมาก็เพื่อให้เจ้าทั้งหลายได้สำนึกผิดขอขมา เจ้าทั้งหลายมีจิตสำนึกขอขมากี่ส่วนมิใช่ว่าทุกคนที่บำเพ็ญ จะต้องกลับไปยังคุกสวรรค์ทุกคน นี่เป็นการชี้แนะเจ้าทั้งหลายสิ่งที่ญาณเดิมได้กล่าวไปเมื่อครู่นี้ ทุศีลเจแตกบาปนี้มหันต์นัก จะต้องตกนรกอเวจีไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เมธีทั้งหลายเจ้าจะต้องระวัง อย่าได้คิดว่าไม่มีใครเห็น คิดจะทำอะไรก็กล้าทำเมื่อใบเทวนาคราชได้ถวายขึ้นสู่เบื้องบน ไม่ว่าจะเป็นวาจา กริยา อาการของเจ้าทั้งหลาย ล้วนอยู่ในมือข้า สิ่งที่ญาณเดิมได้กล่าวไป หากเจ้าเองก็เคยทำผิดในส่วนนั้น จงเร่งแก้ไข และจะต้องเร่งบำเพ็ญจริงปฏิบัติแท้ อย่าได้รอจนถึงประตูคุกสวรรค์ก่อน สายไปไม่ใช่เบื้องบนไม่เมตตา สวรรค์มีประตูเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูเจ้าก็แหวกเข้าไปเอง ข้าก็จนใจ!
วันนี้ เห็นข้ามาตักเตือนอย่างสุภาพอ่อนโยน แต่ในคุกสวรรค์ ข้ายุติธรรมและเที่ยงตรงเสมอ เวลามีจากัด หวังเจ้าทั้งหลายจะบำเพ็ญปฏิบัติด้วยความจริงใจ หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดไป ดีใหม?
นักเรียนในชั้น : ดีครับ/ค่ะ
เทียนเต๋อเหล่าเหยิน : นำพาญาณเดิมคืนเบื้องบน ถอน..........
โอวาทพญามาร อาซิวหลัวหวัง
ชั้นชิงโข่วปัน
วันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 4 พ.ศ. 2539
ณ พุทธสถาน ผู่เอวี้ยน กรุงเทพฯ

พญาอสูรสอบญาณต้นกล้าอ่อน
ผู้บำเพ็ญจิตสั่นคลอนมารเข้าแทรก
คือมวลมารฤๅพุทธาเท็จจริงแยก
เมื่อมารแทรกกลางจิตเข้าเจ้าก่อกรรม
ข้า คือ
อาซิวหลัวหวัง
จอมมารแห่งธรรมกาลยุคขาว รับบัญชา
พระแม่องค์ธรรม ลงสู่โลกา แฝงกายบทมาลย์
พระอนุตตรธรรมเจ้า

อาซิวหลัวหวังให้โอวาทแก่
นักเรียนในชั้น

พญามาร : ไม่มีข้า (ทดสอบ)เจ้าก็ยากที่จะสำเร็จธรรมเมื่อมีข้า เจ้าก็จะพบเจอกับความยากลำบากมากมาย จอมมารอย่างข้า มาก็เพื่อทดสอบคนที่ทานเจเช่นเจ้าทุกคนที่นั่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ หน้าที่ของข้าคือการฉุดเจ้าให้ตกต่ำทำให้เจ้าสั่นคลอนได้มากเท่าไหร่ เข้าก็จะมีบุญกุศลได้มากเท่านั้น แค่เพียงจิตของเจ้าสั่นคลอน มารก็จะเข้ามาผจญ ก่อกวนให้เจ้ายากควบคุมตน ให้เจ้าหลุดไปจากกระแสของการบำเพ็ญปฏิบัติ ชอบจอมมารอย่างข้าหรือไม่?
นักเรียนในชั้น : ไม่ชอบ!
พญามาร : ใครชอบข้ายกมือขึ้น ถ้าจะมอบบัลลังก์ให้เจ้านั่ง ไม่ต้องบำเพ็ญให้ลำบากเช่นนี้ ข้าสามารถแบ่งภาคได้นับร้อยพันล้านร่าง ข้ามาก็เพื่อทดสอบปัญญาของพวกเจ้า ถ้าติดตามข้า ข้าจะทำให้เจ้าสำเร็จมรรคผลพุทธะเอาใหม?
นักเรียนในชั้น : ไม่เอา!
พญามาร : จอมมารอย่างข้าชอบที่สุดก็คือคนที่หันหลังให้ธรรมะ คนที่บำเพ็ญตามบุคคลคนที่ไม่เคารพอาจารย์ไม่เทิดทูนธรรมะ ตามข้ามาให้หมด อย่าดูแคลนข้า ข้าสามารถทำให้เจ้ากลับคืนเบื้องบนได้ ทำไมเจ้าไม่ตามข้ามาล่ะ? หากเจ้าตามข้ามา เจ้าก็จะได้เป็นสมุนของข้าตาเนื้อของเจ้าไม่อาจมองเห็นว่าในมือของข้านี้กำลังถืออะไรอยู่? ในมือของข้าเต็มไปด้วยเพชรนิลจินดาทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงลาภยศข้าชอบที่สุดก็คือคนที่โลภในชื่อเสียงลาภยศ ไม่บำเพ็ญอย่างแท้จริง ใครไม่ต้องการนั่งอย่างลำบากเช่นนี้บ้าง?
นักเรียนในชั้น : ไม่มี
พญามาร : ถ้าตามข้าเจ้าปรารถนาอะไรก็จะได้ดังหวัง ข้าจะทำให้ความฝันของเจ้าเป็นจริง คนที่อยากรู้อยากเห็น ข้าชอบนัก คนที่มักมากในกาม ข้าสามารถทำให้เจ้าได้พบกับสิ่งที่เจ้าต้องการ โอกาสมีไม่มากนัก ใครต้องการยกมือขึ้น! เจ้าทั้งหลายจงฟังข้า อย่าได้ฟังอาจารย์เตี่ยนฉวนซือ ไม่ต้องลำบากนั่งฟังธรรมะอยู่ที่นี่หรอก ข้าจะให้เจ้าเป็นหัวหน้ามารเอาไหม?
นักเรียนในชั้น : ไม่เอา!
พญามาร : ข้าเป็นถึงพญามาร มาที่นี่ก็นานแล้ว ไม่เห็นมีใครเอาน้ำหรือเก้าอี้มาให้นั่งเลย
อาจารย์เตี่ยนฉวนซือ : ก็เพราะว่าท่านคือ พญามาร !
พญามาร : เจ้าดูสิ! พวกเขาต่างมีปัญญา
คำกล่าวของข้าแต่ละคำ ล้วนทดสอบเจ้าทั้งนั้น
ตอนนี้พญามารต้องการเก้าอี้
และน้ำ แต่ไม่มีใครเอาให้

พญามาร : ฮึ่ม ! ไม่ผิดเลยที่เป็นศิษย์ของจี้กง ใจธรรมแกร่งนัก ทำให้ลูกหลานมารของข้าทั้งสองด้านไม่อาจเข้ามาผจญได้ คนบำเพ็ญเยี่ยงเจ้ามีเมตตาไม่ใช่หรือ? ทำไมแค่เพียงเก้าอี้กับน้ำสักแก้วยังไม่มี? ข้าชอบคนที่ทุศีลเจแตกนัก ใครว่าอะไรก็เชื่อเขา อีกทั้งคนที่ไม่ปฏิบัติตามพุทธจริยระเบียบ ไม่เคารพอาจารย์ ไม่เทิดทูนธรรมะ ขอให้รู้ไว้ว่า ข้าอยู่ข้างกายเจ้าตลอด แค่เพียงจิตเจ้าสั่นไหว มารก็จะเข้าแทรก ปลายกัปล์เช่นนี้ มีผู้คนจำนวนมากที่ผิดต่อธรรมะ แล้วหันเข้ามาสู่กระแสของข้าเป็นสมุนของข้า
หากเจ้าผ่านการทดสอบของข้าได้ เจ้าก็สามารถกลับคืนเบื้องบนได้ หากก้าวไม่พ้นการทดสอบของข้า เจ้าก็จะต้องตกลงสู่นรกภูมิตอนนี้รู้จักข้ามากขึ้นหรือยัง? อยากให้ข้ามาประทับญาณ บ่อยๆไหม?
นักเรียนในชั้น : ไม่
พญามาร : ทำไมไม่ชอบข้า?
นักเรียนในชั้น : ไม่อยากตกนรก
พญามาร : ข้าชอบสอบเตี่ยนฉวนซือและเจี่ยงซือแนวหน้า บุญกุศลของข้าจึงจะมากเพราะถ้า ข้ามีบุญกุศลมากพอ ข้าก็คืนเบื้องบนได้เช่นกัน ถ้าเจ้าบำเพ็ญตามบุคคลบำเพ็ญตามคนก็จะถูกบุคคลทดสอบ ข้าชอบเวลาที่ปณิธานของเจ้าอ่อนแรง ไม่มุ่งมั่นต่อธรรมะลูกหลานมารข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้า ยินดีต้อนรับเจ้าทั้งหลายเข้าร่วมกระแสของข้า หวังว่ายามใดที่เจ้าพบเจอกับการทดสอบจะเรียกข้ามาหาข้า หน้าที่ของข้าเสร็จสิ้นแล้ว ไม่หน่วงเวลาของเจ้าอีกต่อไป ฮ่า..ฮ่า... ถอน..........
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
หลังจากพญามารได้ถอนประทับ
ด้วยความเป็นห่วงศิษย์ทั้งหลาย พระอาจารย์
จี้กงจึงได้เมตตาประทับญาณ

เรา คือ
พระพุทธะจี้กง รับบัญชาจาก
พระแม่องค์ธรรม มาที่นี่นานแล้ว
ก้มกราบอภิวันท์
พระองค์ธรรมมารดา ศิษย์ทั้งหลายนั่งเถิด

พระอาจารย์จี้กงเมตตาประทาน
พระโอวาทแก่นักเรียนในชั้น

พระอาจารย์จี้กง: ศิษย์ทั้งหลายตื่นตระหนดหรือไม่? อยากตามพญาอสูรไปหรือเปล่า?
นักเรียนในชั้น : ไม่อยากครับ/ค่ะ
พระอาจารย์จี้กง : ใจจะต้องสงบนิ่ง เมื่อสงบนิ่งแล้ว จึงจะแบ่งแยกจริงเท็จได้ เจ้าทั้งหลายล้วนเป็นพุทธบริกร และได้ตั้งปณิธานทานเจแล้วทั้งนั้น คนที่ตั้งปณิธานแล้วยืนขึ้นเหตุใดจึงส่งเสริมให้เจ้าตั้งปณิธาน การตั้งปณิธานทานเจไม่มีบุญกุศล เพราะนั่นคือหน้าที่ของเรา ทำไมต้องตั้งปณิธานทานเจ?ก็เพื่อตัดกรรมชั่ว ไม่ต้องผูกกรรมกับสัตว์เดรัจฉานอีกต่อไป ไม่เช่นนั้น ยิ่งผูกยิ่งลึกยิ่งมัดยิ่งแน่น อย่างนี้ฟังเข้าใจใหม?
เมื่อตั้งปณิธานทานเจแล้ว ปัญญาก็จะค่อยๆบังเกิด ดูอย่างอาวุโสที่ยืนอยู่ข้างหน้าท่านเหล่านั้นไม่เคยที่สั่นคลอน หรือหวั่นไหวคนที่ยังไม่ได้ตั้งปณิธานก็ให้รีบตั้ง แต่เมื่อตั้งไปแล้วก็ต้อง รักษาปณิธาน รักษาหน้าที่ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นลูกมารหลานมารหรือแม้แต่พญามารก็ไม่อาจโค่นล้มเจ้าได้
ทำไมต้องเร่งสร้างปณิธาน? ด้วยเหตุของมหันตภัยมากมาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นดูธงในการฉุดช่วย เพราะคนที่ตั้งปณิธานทานเจแล้วธงบนหัวจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เป็นสิ่งที่ตาเนื้อของเจ้ามองไม่เห็น แต่ในสิ่งที่มองไม่เห็นสามารถขจัดปัดเป่าภัยให้เจ้าได้ บำเพ็ญธรรมจะต้องมั่นคง แน่วแน่ บำเพ็ญให้ตลอดรอดฝั่งศิษย์ทั้งหลาย เจ้าอยากได้มรรคผลหรือไม่?
นักเรียนในชั้น : อยากได้มรรคผลจากพระ อาจารย์
พระอาจารย์จี้กง : มรรคผลของพญามารต้องการใหม?
นักเรียนในชั้น : ไม่ต้องการครับ/ค่ะ
พระอาจารย์จี้กง : บำเพ็ญธรรมจะต้องบำเพ็ญอย่างจริงจังเท้าติดดิน รักษาปณิธานของตน การทำความดีไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นรู้ เจ้าต่างก็เป็นพุทธบริกรกันแล้ว ต้องมีสัมมาศรัทธา มิใช่เพราะสภาพการณ์รอบข้างของเจ้าเปลี่ยนแปลง เรื่องราวหรือผู้คนรอบข้างเปลี่ยน แล้วเจ้าก็เปลี่ยนแปลงปณิธานของตนหากเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับศรัทธาอย่างโง่เขลาบำเพ็ญธรรมะจะต้องศรัทธาให้ถึงที่สุด จึงจะซาบซึ้งถึงเบื้องบน บำเพ็ญธรรมต้องบำเพ็ญแบบทวนกระแส บำเพ็ญทวนกระแสไม่ใช่หันหลังให้ธรรมะ แต่เป็นการหันหลังให้กับสภาพรอบข้าง เร่งฟื้นฟูประเพณีอันดีงามแต่โบราณไม่ว่าจะเป็นคุณธรรมความดีงามต่างๆ ส่งมอบความรักความเมตตา ขจัดความเห็นแก่ตัวไม่ยึดติดในวัตถุ จงหยิบยื่นสิ่งที่ดีให้แก่ผู้อื่นเมื่อเคารพผู้อื่นก็จะได้รับการเคารพตอบ คนที่เห็นแก่ตัว ผู้คนก็ไม่อยากเข้าใกล้ ทำไมไม่บำเพ็ญตามกระแส? เจ้าลองมองดูสิว่าในปัจจุบันนี้ ผู้ชายไม่เหมือนผู้ชาย ผู้หญิงไม่เหมือนผู้หญิง ผู้ชายไว้ผมยาว ผู้หญิงไว้ผมสั้น เสื้อผ้าก็ใส่สับกันมั่ว แล้วอย่างนี้จะแบ่งว่าไหนชายไหนหญิงได้อย่างไร? มีเพียงอาศัยธรรมะ ในการฟื้นคืนขนบธรรมเนียมประเพณีเดิมอันงดงาม เพื่อฟื้นคืนสู่จิตใจไร้เดียงสาดังเดิมจิตศรัทธาแรกเริ่มมีทั้งดีและชั่ว อยู่ที่เจ้าจะใช้อย่างไร? เริ่มศรัทธาในการบำเพ็ญธรรมก็เรียกว่าจิตศรัทธาแรกเริ่ม แต่แรกเริ่มศรัทธา จะต้องศรัทธาอย่างเที่ยงตรง ดังนั้นหวังศิษย์เจ้าจะใช้ปัญญา ผู้บำเพ็ญธรรมควรมีปัญญา โดยเฉพาะ 3 ชัดเจน 4 เที่ยงตรง จะต้องชัดเจน สิ่งที่ผู้บำเพ็ญธรรมควรมี :
1. ตั้งปณิธานแล้วอย่าได้เปลี่ยนแปลงจะต้องเสมอต้นเสมอปลาย
2. ใจบำเพ็ญต้องไม่เปลี่ยน มีเพียงหนทางธรรมเท่านั้นที่สว่างไสว บำเพ็ญธรรมมีการทดสอบมากมาย จะรักษาสภาพจิตให้มั่นคงได้อย่างไร?
2.1 ต้องมีจิตสำนึกคุณ
2.2 ไม่โทษฟ้าหรือกล่าวโทษคน
2.3 จริงจังเท้าติดดิน แล้วดำเนินตามนักธรรมอาวุโส ยามใดที่ใจของเจ้าสั่นคลอนมารล้วนรู้ มารจะอาศัยช่วงที่เจ้าอ่อนแอ เข้ามาผจญ
การเกิดตายในชั่วขณะนั้น คือวิบากกรรมที่สร้างมานับหกหมื่นปี เขาทวงอย่างรวดเร็ว เหตุใดในตอนนี้ ภัยพิบัติจึงได้เกิดขึ้นมากมาย แรงคนยังต้านได้ แต่แรงกรรมยากต้านผู้ที่มีใจใฝ่ธรรม ถ้าจะไม่ทอดทิ้งเขา เมื่อตั้งปณิธานแล้ว จงติดตามอาจารย์ไปทั่วหล้าแม้ฟ้าดินจะเปลี่ยนแปลง แต่ใจของเจ้าจะเปลี่ยนไม่ได้!
3. จิตเมตตาอย่าเปลี่ยน แต่เมตตาก็ต้องเมตตาอย่างมีปัญญา มีเพียงปัญญาที่แท้จริง จึงสามารถผ่านความลำบากได้ เขาบอกให้เจ้าไปพูดธรรมะที่โน่นที่นี่เจ้าไปใหม? พุทธระเบียบก็ต้องรักษา อย่าได้วุ่นวาย บำเพ็ญอยูที่ไหน ก็ลงแรงทุ่มเทอยู่ตรงนั้น มีเพียงอาศัยปัญญาเท่านั้น จึงจะแยกแยะได้ การบำเพ็ญธรรมอยู่ที่ความเรียบง่าย จิตญาณจึงจะบริสุทธิ์ ร่างกายจึงจะแข็งแรง หากนานๆเป็นไข้ที ลบล้างหนี้กรรมได้! แต่ปณิธานจะต้องแน่วแน่จิตใจของมนุษย์ เบื้องบนล้วนรับรู้ไม่ว่าจะสงบหรือเคลื่อนไหว ให้สอดคล้องกับธรรมะ สอดคล้องกับทางสายกลาง คนบำเพ็ญอย่าได้อยากรู้อยากเห็น เพราะความอยากรู้อยากเห็น จะนำเจ้าเข้าสู่นอกรีตนอกรอย บุญกุศลจะถูกลบ หากเจ้าไม่ห่างจากสถานธรรมเจ้าก็จะไม่เดินพลาด หากเราฆ่าสัตว์ ทานเนื้อสารพิษก็จะกระจายไปทั่วร่าง โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรที่ไร้รูปลักษณ์ ก็จะคอยติดตามไปทุกที่ หากเกิดโรคภัยเกิดขึ้น ขอฟ้า ฟ้าไม่ช่วย ขอเดินดินไม่ตอบ กินเขาไปเท่าไร ก็ต้องคืนเขาไปเท่านั้น ดังนั้น การตั้งปณิธานทานเจก็คือการตัดกรรมใหม่ คือการตัดกรรมชั่ว
วันนี้ เมื่อเข้ามาร่วมชั้น จงทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เพราะการทานเจ มิใช่แค่ปากสะอาดเท่านั้น ยังรวมไปถึง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจต้องบริสุทธิ์ด้วย เมื่อมีกายที่สะอาด จิตใจที่บริสุทธิ์เช่นนี้ ปวงพระพุทธะจึงกล้าเข้าใกล้ใจต้องสำนึกคุณฟ้าบารมีอาจารย์อยู่ตลอดเวลาอีกทั้งอาจารย์เตี่ยนฉวนซือ อาจารย์แนะนำรับรอง ที่ทำให้เราได้ตัดกรรมชั่ว สิ่งที่พระอาจารย์อยากได้ก็คือ จิตศรัทธาจริงใจหวังว่าเมื่อจบชั้นแล้ว เจ้าจะช่วยกันหนุนนำทุกคนร่วมแรงใจ มือจับมือ เพื่อฉุดช่วยมนุษย์ผู้ลุ่มหลง การอยู่ร่วมกันของมนุษย์เรา ล้วนมีเหตุปัจจัย จะต้องให้อภัยซึ่งกัน เพื่อให้เรื่องราวต่างๆสมบูรณ์ แม่ครัว ไม่ว่าเจ้าจะช่วยงานที่ไหนก็ตามขอให้ระวังเรื่องไฟ ปัจจุบันอากาศแห้งแล้งถึงแม้จะมีฝนตกลงมาบ้าง แต่เราก็ต้องระวังตัวด้วย ให้ช่วยเหลือตนเองก่อน
พระอาจารย์มาที่นี่เวลามีจำกัดฯ ขอให้ศิษย์เจ้ารักษาพุทธระเบียบให้ดี อย่าได้เปลี่ยนแปลงปณิธาน ใจบำเพ็ญธรรมจะเปลี่ยนไม่ได้จงระวังสำรวม อย่าได้แกล้งผิดปณิธาน แล้วกินเนื้อ มีเพียงสำนึกขอขมาด้วยความจริงใจจึงจะลบล้างความผิดบาปและหนี้เวรกรรมได้ใจของเจ้าเป็นเช่นไร พระอาจารย์ล้วนรับรู้ ขอให้เจ้าทั้งหลาย รักษาใจกาย
กราบลา
พระองค์ธรรมมารดา ไปยังสถานที่อื่น.....
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ถ้าหากเจ้าขาดซึ่งความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับผู้อื่น
การปฏิบัติงานธรรมของเจ้าก็ยากที่จะก้าวหน้า
หากเจ้าขาดซึ่งจิตสัมผัส เห็นใจ
เจ้าก็จะไม่รู้ว่าอะไรคือจิตสำนึกคุณ
หากเจ้าหยุดเดิน
ความหวังทั้งหมดก็จะสูญสิ้นไปในทันที